Subjunctive Mood
Subjunctive Mood คือประโยคที่แสดงความต้องการ ความปรารถนา แนะนำ ตักเตือน เชิญชวน ขอร้อง แสดงเงื่อนไขสมมติ ฯลฯ โดยปกติแล้วประโยคที่เป็น subjunctive sentence แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันค่ะ
1. present subjunctive
ประโยคที่เป็น present subjunctive จะเป็นประโยคประเภท แนะนำ เชิญชวน ขอร้อง แสดงความต้องการ ตักเตือน ซึ่ง verb หรือ adjective ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ก็จะมี
recommend that >> แนะนำว่า
suggest that >> แนะนำว่า
order that >> สั่งว่า
advise that >> แนะนำว่า
insist that >> ยืนกรานว่า
require that >> ขอร้องว่า
request that >> ขอร้องว่า
decide that >> ตัดสินใจว่า
หรือคำที่เป็น adjective ก็จะอยู่ในโครงสร้างแบบนี้ค่ะ It is….that
It is necessary that
It is important that
It is advisable that
It is proper that
It is desirable that
It is preferable that
กฎของ present subjunctive sentence ก็คือ verb ใดที่ตามหลังวลีหรือกลุ่มคำพวกนี้ จะต้องเป็น V1 ธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม s หรือ es หรือ ed ไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ตาม (ปกติประธานเอกพจน์ กริยาเติม s ใช่มั๊ยคะ) ถ้าเป็น verb to be ให้ใช้ be อย่างเดียวค่ะ
It is necessary that he do exercise every day. (เป็นเรื่องจำเป็นที่เขาควรจะออกกำลังกายทุกวัน (สังเกตว่าเราใช้กริยา do แทน does ทั้งๆที่ ประธานคือ he))
The doctor suggested that she stop smoking. (หมอแนะนำว่าเธอควรเลิกสูบบุหรี่
I insist that Jimmy be here at 8 o’clock. (ฉันกำชับว่าจิมมี่ควรจะมาถึงที่นี่ตอนแปดโมง) (ไม่ใช้ Jimmy is here นะคะ แต่ใช้ be แทนค่ะ)
*** วิธีการจำง่ายๆนะคะ ให้เราทดคำว่า should ไว้ในใจค่ะ เพราะประโยคพวกนี้จะเป็นคำแนะนำให้ใครควรทำอะไร เพราะปกติหลัง should เราจะต้องใช้กริยารูปธรรมดาไม่ผันค่ะ เช่นประโยคนี้จริงๆมันก็คือ I insist that Jimmy (should) be here at 8 o’clock. แต่เราไม่ได้ใส่ should เข้าไปค่ะ
2. past subjunctive
ประโยคแบบ past subjunctive คือประโยคที่แสดงความปรารถนาหรือเงื่อนไขที่เป็นความจริงไม่ได้ในปัจจุบัน คำที่เป็น key words สำคัญเลยก็คือ กลุ่มคำพวก
wish, If, as if, if only หรือวลีต่อไปนี้
It’s time… (ถึงเวลาแล้ว)
would rather… (อยากที่จะ…มากกว่า)
It’s about time… (จวนจะได้เวลาแล้ว)
ซึ่งกริยาในประโยคพวกนี้ต้องเป็น V2 ค่ะ และถ้าเป็น Verb to be ให้ใช้ were กับทุกประธานค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เช่น
I wish he could come today. ฉันอยากให้เขามาวันนี้ (แต่วันนี้เขาไม่มา)
I wish I were a millionaire. ผมอยากเป็นเศรษฐี (แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็น)
If I were you, I wouldn’t do that. ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น
He talks as if he knew it well. เขาพูดราวกับว่าเขารู้ดีอย่างนั้นแหละ (กริยา know ใช้เป็น V2 คือ knew)
It’s about time the class began. จวนจะได้เวลาเริ่มเรียนแล้ว (กริยา begin ใช้เป็น began)
3. past perfect subjunctive
คือประโยคที่บอกความเป็นไปไม่ได้ในอดีตค่ะ คือมันไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต กริยาในประโยคนี้จะอยู่ในรูป past perfect ค่ะ (had + V3) เช่น
I wish she had gone to the party last night. ฉันอยากให้เธอมางานปาร์ตี้เมื่อคืนนี้จังเลย (แต่เธอไม่ได้ไปงานเมื่อคืน)
I wish they had paid more attention to their study. ฉันอยากให้พวกเขาสนใจเรียนกันมากกว่านี้ (ในอดีตพวกเขาไม่ตั้งใจเรียนกัน)
*** ประโยคที่ใช้ wish หรือบอกความเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันหรืออดีตพวกนี้ ที่เราใช้กริยา V2 ก็เพื่อต้องการเน้นว่า มันไม่เป็นความจริง มันไม่ได้เกิดขึ้น